ซึ่งนี่ไม่เพียงเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังจากที่ประธานาธิบดีรัสเซียสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นสมัยที่ 5 อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัสเซียและจีนทวีความเป็นพันธมิตรอย่างแน่นแฟ้นกว่าที่เคย ท่ามกลางการมุ่งหน้าทำสงครามรุกรานยูเครนอย่างหนักหน่วงของรัสเซียและสามารถรุกคืบบริเวณแนวรบที่แคว้นคาร์คีฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
โดยวันนี้ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้เดินทางถึงมหาศาลาประชาชน อาคารที่รัฐบาลจีนใช้เป็นสถานที่ในการประชุมหารือ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นและชื่นมื่นจาก สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน
การเลือกจีนเป็นจุดหมายการเยือนแรกหลังจากที่ประธานาธิบดีปูตินสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียเป็นสมัยที่ 5 ถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าจีนคือพันธมิตรคนสำคัญลำดับต้นๆ ของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่จีนและรัสเซียมีความสัมพันธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดกับชาติตะวันตก หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามรุกรานยูเครนเมื่อปี 2022
ก่อนสงครามยูเครนจะเริ่มต้นขึ้นไม่กี่สัปดาห์ รัสเซียและจีนต่างชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันว่าเป็น “พันธมิตรอย่างไร้ขีดจำกัด” และที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายต่างกระชับความสัมพันธ์แบบ ‘หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์’ หรือ strategic partnership ซึ่งครอบคลุมในหลายมิติให้แนบแน่นขึ้นอย่างต่อเนื่องคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
สำหรับวาระของการพบกันครั้งนี้ นอกจากจะเป็นไปเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแล้ว หนึ่งในประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจอย่างมากคือ การกระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพิ่มเติม
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงระบุว่า จีนจะเป็นเพื่อนบ้านและพันธมิตรที่ดีของรัสเซียตลอดไป และทั้งสองจะร่วมมือกันเพื่อธำรงรักษาความยุติธรรมและความเท่าเทียมในโลก
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีปูตินระบุว่า ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างจีนและรัสเซียไม่ใช่การ “ฉวยโอกาส” และไม่ได้มุ่งเป้าเพื่อต่อต้านใคร อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายยังเป็น “พลังที่สร้างเสถียรภาพ” ในเวทีโลก
สาเหตุที่ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวเช่นนี้ เนื่องจากจีนคือชาติที่ถูกชาติตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือรัสเซียอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในด้านการค้า หลังจากที่รัสเซียถูกชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
โดยหลายฝ่ายมองว่ามูลค่าการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย ส่งผลให้รัสเซียยังคงมีแหล่งรายได้เพื่อใช้ในการทำสงครามต่อไป แม้จะถูกมาตรการคว่ำบาตรบีบคั้น ข้อมูลจากทางการจีนระบุว่า มูลค่าการค้าระหว่างรัสเซียและจีนในปี 2023 สูงถึงสองแสนสี่หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 64 ของมูลค่าการค้าในปี 2021 ซึ่งเป็นปีก่อนที่รัสเซียจะทำสงครามขณะเดียวกัน จีนยังกลายเป็นผู้ซื้อน้ำมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของรัสเซียมากเป็นอันดับหนึ่งในปี 2023 เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น การค้าขายระหว่างสองชาติที่เป็นประเด็นอย่างมากคือ การที่จีนขาย ‘สินค้าที่ใช้ได้สองทาง’ หรือ ‘Dual-Use Items’ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งทางด้านพาณิชย์และทางทหาร ที่นำไปใช้ในการผลิตอาวุธต่างๆ ให้แก่รัสเซีย เช่น ชิ้นส่วนของขีปนาวุธวิถีโค้งหรือเครื่องบินขับไล่ ซึ่งเท่ากับการสนับสนุนด้านอาวุธให้แก่รัสเซียทางอ้อม อย่างไรก็ตาม ทางการจีนได้ออกมาปฏิเสธในประเด็นนี้แล้ว
นี่ทำให้อีกประเด็นที่อยู่ในวาระการหารือและเป็นที่จับตาอย่างมากเช่นกันคือ สงครามยูเครน โดยในการประชุม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ระบุว่า เขาและประธานาธิบดีปูตินเห็นพ้องต้องกันว่า สงครามในยูเครนต้องจบลงด้วยการเจรจาทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้จีนเคยเสนอแผนสันติภาพ 12 ข้อ โดยข้อที่สำคัญที่สุดในแผนสันติภาพคือการเสนอให้ยูเครนและรัสเซียหยุดยิงและขึ้นโต๊ะเจรจา
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรของยูเครนออกมาประกาศว่าไม่สามารถรับแผนของจีนได้ เพราะในบรรดา 12 ข้อ ไม่ได้ระบุเรื่องสำคัญที่สุด นั่นก็คือการขอให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครน
การเดินทางเยือนจีนเพื่อพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของประธานาธิบดีปูติน เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัสเซียเปิดแนวรบใหม่ที่แคว้นคาร์คีฟทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน เพื่อบีบให้กองทัพยูเครนที่เสียเปรียบเรื่องกำลังพล เพราะต้องกระจายทหารจากแนวรบอื่นไปป้องกันพื้นที่ในคาร์คีฟและหาจังหวะรุกคืบในแนวรบหลักในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออก
สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารรัสเซียและทหารยูเครนบริเวณโวฟชานสก์ เมืองที่เป็นเป้าหมายหลักในการบุกของรัสเซียที่แนวรบในแคว้นคาร์คีฟยังคงเป็นไปอย่างดุเดือดและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาที่รัสเซียพยายามฉวยโอกาสจากจังหวะเวลาเช่นนี้เพื่อสร้างความได้เปรียบ ประธานาธิบดีปูตินได้แสดงความชื่นชมกองทัพที่สามารถรุกคืบได้ในทุกแนวรบ
เมื่อวานนี้ ระหว่างการประชุมครั้งแรกร่วมกับอันเดรย์ เบลูชอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวชื่นชมผลงานของกองทัพรัสเซียที่ประสบความสำเร็จในการรุกคืบตลอดแนวรบในช่วงที่ผ่านมา และรัสเซียพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ทหารที่แนวรบสามารถสู้รบกับทหารยูเครนได้
พร้อมกันนี้ประธานาธิบดีปูตินยังได้กล่าวถึงเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้รัสเซียเอาชนะยูเครนในสมรภูมิรบได้ นั่นก็คืออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเหนือกว่า
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่โฆษกรัฐบาลรัสเซียเคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า ทำไมจึงตัดสินใจเลือกบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเข้ามารับตำแหน่งทางการทหารที่มีความสำคัญอย่างมาก
การกล่าวชื่นชมความคืบหน้าของทหารรัสเซียในแนวรบ เกิดขึ้นหลังจากที่ทหารรัสเซียส่งทหารบุกจู่โจมข้ามพรมแดนทางตอนเหนือของแคว้นคาร์คีฟเมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และสามารถรุกคืบได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน
พื้นที่การสู้รบที่หลายฝ่ายจับตามองอย่างมากคือที่เมืองโวฟชานสก์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการโจมตีแคว้นคาร์คีฟภายในช่วง 36 ชั่วโมงที่ผ่านมา โอเล็กซี คาร์คีฟสกี หัวหน้าตำรวจหน่วยลาดตระเวนประจำโวฟชานสก์รายงานสถานการณ์สู้รบจากพื้นที่ โดยระบุว่าทหารรัสเซียได้บุกเข้าประจำตำแหน่งบริเวณถนนหลายเส้นในเมือง และสถานการณ์เป็นไปอย่างยากลำบาก
ด้านดมิโทร ลาซุตคิน โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมยูเครนระบุตรงกันกับเจ้าหน้าที่ในเมืองโวฟชานสก์ว่า ทหารรัสเซียบางส่วนสามารถรุกคืบเข้ามาบริเวณทางตอนเหนือของเมืองได้จริง ก่อนที่ทหารยูเครนจะสามารถขับไล่ทหารรัสเซียบางส่วนออกไปได้
ภายหลังช่วงกลางคืนตามเวลาท้องถิ่น เสนาธิการกองทัพยูเครนระบุว่า ทหารยูเครนได้ดำเนินปฏิบัติการป้องกันบริเวณชานเมืองทางตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโวฟชานสก์ ขณะที่ทหารยูเครนกำลังพยายามสร้างเสถียรภาพบริเวณแนวรบใกล้เมืองโวฟชานสก์อย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการบุกเข้าไปยังบางส่วนของโวฟชานสก์ การรุกคืบในพื้นที่อื่นบริเวณแนวรบคาร์คีฟของรัสเซียยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามหรือ ISW รายงานโดยอ้างอิงภาพถ่ายดาวเทียมว่าภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทหารรัสเซียได้รุกคืบไปยังบริเวณหมู่บ้านสตาริตเซีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโวฟชานสก์ โดยบล็อกเกอร์สายทหารของรัสเซียอ้างว่า รัสเซียสามารถยึดครองได้แล้ว ส่วนแหล่งข้อมูลอื่นๆ ระบุว่าการสู้รบยังคงดำเนินอยู่
อีกพื้นที่ที่มีรายงานการสู้รบ คือทางตอนเหนือของหมู่บ้านลิปต์ซี ซึ่งคาดว่าเป็นอีกหนึ่งในเป้าหมายของฝ่ายรัสเซียในแนวรบคาร์คีฟเช่นกัน โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่า สามารถยึดหมู่บ้านบริเวณนี้ได้เพิ่มอีก 2 แห่ง นั่นคือหมู่บ้านฮรีโบเกียและหมู่บ้านลูเคียนต์ซี ซึ่งอยู่ก่อนถึงหมู่บ้านเนสคุชเนีย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีรายงานการรุกคืบของทหารรัสเซียอย่างต่อเนื่อง แต่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ISW ประเมินว่า การรุกคืบของรัสเซียในคาร์คีฟชะลอลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบจากความเร็วในการรุกคืบช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงประเมินว่า ขณะนี้รัสเซียไม่น่ารุกคืบเข้ามายังพรมแดนยูเครนที่เป็น grey zone ได้เกิน 8 กิโลเมตร
แนวโน้มการรุกคืบเช่นนี้สะท้อนว่า เป้าหมายหลักของรัสเซียอาจอยู่ที่การสร้าง buffer zone ไม่ให้กองทัพยูเครนโจมตีศูนย์กลางทางการทหารในแคว้นเบลโกรอดของรัสเซียและบีบให้ยูเครนกระจายกำลังทหารจากแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออก เพื่อให้กำลังป้องกันที่นั่นเบาบางลง
แคว้นโดเนตสก์ โดยเฉพาะเมืองชาซีฟ ยาร์ คืออีกหนึ่งแนวรบที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะเป็นพื้นที่หลักที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะถึงนี้ และเป็นแนวรบที่ประธานาธิบดีปูตินอ้างว่ากองทัพรัสเซียสามารถรุกคืบได้ในแคว้นนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้รัสเซียจะบุกโจมตีที่นี่อย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมามีรายงานความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เปราะบางและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เดินทางไปร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่คาร์คีฟ โดยได้เดินทางไปถึงแล้วช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาบ้านเรา ประธานาธิบดียูเครนระบุผ่านเทเลแกรมว่า สถานการณ์ที่คาร์คีฟโดยทั่วไปอยู่ในการควบคุม แต่ก็ยังคงเป็นไปอย่างยากลำบากอย่างมาก
สถานการณ์ในแนวรบที่ยากลำบากและไม่แน่นอน ส่งผลให้หลายฝ่ายกดดันไปยังสหรัฐฯ พันธมิตรอันดับต้นๆ ของยูเครนที่เพิ่งสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณความช่วยเหลือทางการทหารมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐออกมาได้เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่ล่าช้ามาเป็นเวลากว่าครึ่งปี
นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า อาวุธจากสหรัฐฯ ที่ไปถึงสนามรบไม่เพียงพอต่อความเร่งด่วนส่งผลให้รัสเซียสามารถรุกคืบที่คาร์คีฟได้ พร้อมกับกังวลว่าอาวุธของสหรัฐฯ จะมาถึงอย่างเพียงพอและทันเวลาก่อนรัสเซียจะเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่หรือไม่
เมื่อวานนี้ระหว่างการแถลงร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่าจะเร่งส่งอาวุธไปให้ถึงที่แนวรบโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้ประกาศมอบเงินช่วยเหลือเพื่อให้ยูเครนใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมทางการทหารเป็นมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท